พระธรรมคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2563
วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2563
ดวงแก้ววิเศษ
ความหมายดวงแก้ววิเศษ15ประการคือ
ให้เราภาวนาคำว่า.ธัม.มะดา.หมายถึงเราได้ละลึกถึงดวงแก้ววิเศษ15ประการนี้ตลอดเวลาคือเรานึกถึงดวงแก้วดวงนี้ให้เราภานาคำว่าธัมมะดา3คำนี้เปนตัวเเทนดวงแก้ววิเศษ15ประการครับ
ดวงแก้ววิเศษ15ประการประกอบด้วยคือ
1-เปนผู้ละลึกถึงเรื่องธรรมดาคือรู้ความจริงของธรรมชาติตลอดเวลา
2-เปนผู้ละลึกถึงเรื่องการยอมรับความจริงที่เกิดขื้นกับตนตลอดเวลา
3_เปนผู้ละลึกถึงการออมชอมคือผ่อนคลาย.ยึดหยุ่นอะลุ่มอาหรูวตลอดเวลา
4_เปนผูละลึกถึงการให้อภัยผูอื่นตลอดเวลา
5-เปนผู้ละลึกถึงความแมตตาต่อผู้อื่นตลอดเวลา
6-เปนผู้ละลึกถึงการปล่อยวางตลอดเวลา
7_เปนผู้ละลึกถึงการเจริญภาวนาตลอดเวลา
8_เปนผู้ละลึกถึงองคสมเด็จพระสัมมาสัม
__พุทธเจ้าตลอดเวลา
9_เปนผู้ละลึกถึงองคสมเด็จพระศรี
__อริยเมตไตรยตลอดเวลา
10_เปนผู้ระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรมหา
__มหาโพธสัตว์(พระแม่กวนอิม)
_ตลอดเวลา
11_เปนผู้ละลึกถึงพระพญายมราช
__ตลอดเวลา
12_เปนผู้ปราถนาอุบัติสู่แดนโลกพระศรี
___อริยเมตไตรยตลอดเวลา
13__เปนผู้ปราถนาแห่งพระนิพพานใน
__ในชาตินี้ตลอดเวลา
14_เปนผู้ปราถนาเข้าสู่แห่งความดีทุก
__ประการตลอดเวลา
15_เปนผู้มีจิตเปนพุทธะ
และเปนผู้มีศิลอยู่ตลอดเวลาทุกประการ
ขอแนะนำการหายใจเข้าออกทุกๆครั้งให้หายใจเข้าออกด้วยหน้าท้องหรือกระบังคือหายใจเข้าท้องพองหายใจออกท้องยุบ
.
หายใจเข้าทางจมูกรุ้ธัมยาวๆลึกๆช้า.เบาๆ.หายใจออกทางปากและจมูกพร้อมๆกันรุ้มะดา.ดายาวๆลึกๆช้าๆ.เบาๆ.ทำติดต่อกันชัก15_20ครั้ง.หลังจากนั้นให้หายใจปกติธรรมดา.หายใจเข้าว่าธัม.หายใจออกว่ามะดา.ทำไปเรื่อยๆทำช้าๆถ้ามีความคิดหรือมีอารมและความรุ้สึกที่ไม่ดีอะไรเข้ามาแทรกเกิดขื้นในใจเราจะตั้งใจก้ดีไม่ได้ตั้งใจก้ดีเกิดขื้นเองโดอัตโนมัตก้ดีขอให้เราเพียงแค่ไปรับรุ้ความคิดและอารมความรุ้สึกที่ไม่ดีหรือในขนะนี้ที่เราได้ผจญเหตการไม่ดีอยู่ที่เกิดขื้นมาในใจอย่าไปตกใจอย่ากังวลขอให้เราเอาสติเอาจิตพิจารนาใคร่ครวญว่าสิ่งที่เกิดขื้นกับตัวเรานั้นมันเปนสิ่งของเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เองให้เรายอมรับมันสิ่งที่เกิดขื้นกับตัวเรานี้และพอใจให้มันอยู่กับตัวเราไปเรื่อยๆถ้ามันไปก้ปล่อยมันไปถ้ามันอยู่ก้ปล่อยมันอยู่ไปกับตัวเราไปเรื่อยๆก้ได้ในเมื่อใจเรายอมรับแล้วเราต้องออมชอมให้มัน.คือแล้วแต่มันจะเปนไปอะไร.อะไรมันต้องเกิดก้ปล่อยมันเกิดไปออมชอมให้มันให้อภัยกับมัน.ไม่ให้รังเกียจมันคือมีความแมตตาต่อมันถึงแม้มันทำให้เราทุกข์ก้ตามเราก้แมตตาต่อมันนถึงแม้มันทำให้เราทุกข์ก้ตามเราก้แมตตาต่อมันจากนั้นแล้วให้เราปล่อยวางความคิด.ความรุ้สึกที่ไม่ดี.อารมที่ไม่ดี.และเหตการที่เราผจญอยู่ในขนะนี้เวลานี้
ที่เข้ามาหาในตัวเรา.ผมรู้ดีว่าบางคนบางท่านอยากจะปล่อยวางแต่หาวิธีปล่อยวางไม่เปนเมื่อก่อนผมก้เปนเช่นนั้นอยากจะปล่อยวางแต่วางไม่เปนไม่รู้วิธีวางมีความคิดอะไรก้เอามาคิดพอคิดไปคิดมาเกิดความกลุ้มใจกระวนกระวายใจเกิดความเครียดกลายเปนโรคชึมเศร้าตั้งแต่บัดนั้นมาเมื่อปี60ผมเข้าการรักษาอยู่2ปีอาการก้ไม่ดีขื้นคับจิตคิดวนไปวนมาอยู่อย่างนี้มาเรื่อยๆจนผมได้ค้นพบดวงแก้ววิเศษเอามารักษาเยียวยาจิตใจผมจนทุกวันนี้ผมมีแต่ความสงบสุขจิตใจผมดีขื้นเยอะมากๆเลยคับ.วิธีปล่อยวางคือถ้ามีความคิดความรุ้สึกที่ไม่ดีอะไรแล้วแต่คับถ้ามันเข้ามาหาเราแล้วเราอย่าไปสนใจมันอย่ายุ่งกับมัน.อย่าหาเหตผลของมัน.อย่าหาคำตอบกับมันอย่าให้ความคิดเหนกับมันให้เราใช้หลักการภาวนาครับให้ดึงสติเอาจิตกลับมาเพ่งจดจ่อในการรับรุ้ลมหายใจเข้าออกและท่องคำบริกรรมว่าธรรมดาหายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาทำไปเรื่อยๆไม่ว่ายืนเดินนั่งนอนทำอะไรก้ตามให้ทำไปเรื่อยๆอย่าไปสนใจความคิดฯอย่าไปให้ราคากับมันให้เรามาสนใจในการรับรุ้ลมหายใจเข้าออกฯตลอดเวลาคับอย่างเดียวแต่ความคิดและความรุ้ไม่ดีนั้นมันคงมีอยู่ปล่อยมันให้มันอยู่ก้ให้มันอยู่ต่อไป.มันไปปล่อยมันไปคับให้อยู่กับการรุ้ลมหายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาให้ทำอยู่แบบนี้ตลอดเวลายกเว้นถ้าเราทำงานต้องคิดงานนั้นให้เราวางการับรุ้ลมหายใจเข้าออกก่อนแล้วเอาจิตมาเพ่งพิจารนาใคร่ครวญงานเมื่อเสจงานก้กลับมารับรุ้ลมหายใจเข้าออกหายใจเข้าว่าธัมหายใออกว่ามะดาทำไปเรื่อยไม่ต้องรีบร้อนทำให้สบายๆทำให้สนุกให้คิดว่าให้ถือว่าเปนของฟรีๆๆเผลอคิดเรื่องอื่นปล่อยมันไปรุ้ตัวเมื่อไรให้กลับมารับรุ้ลามหายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดา
ตามเดิมครับ
ถ้าเรามีความโกธแค้นอาฆาตผู้อื่นนั้นให้เราเอาดวงแก้ววิเศษ8ประการทุกประการมาใช้มาพิจารนาสิ่งที่เกิดขื้นกับตัวเราเช่นว่าถ้ามีคนอื่นมาทำให้เรามีความโกธแค้นอาฆาตผุ้อื่นนั้นถ้าเรามีความรุ้ตัวว่าเรามีความโกธแค้นโมโหและอาฆาตผู้นั้นที่กระทำกับเราให้เราดึงสติเอาจิตมาพิจารนาว่าสิ่งที่เกิดขื้นกับตัวเราในขนะนั้นในขนะนี้ให้เราคิดเสียว่าให้เราถือเสียว่ามันเปนสิ่งของมันเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง.อีกอย่างให้คิดเสียว่าให้ถือเสียว่าคนผู้นั้นเขาเปนเจ้ากรรมนายเวรเก่าในอดีตชาติที่ผ่านมาเขาเลยได้มากระทำเราในครั้งนั้นครั้งนี้เราเราไม่ควรไปจองเวรกับเขาอีกขอให้มันจบตรงนี้ครั้งนี้เถิดถ้าเราพิจารนาแบบนี้เสจแล้วให้เราใช้ความยอมรับสิ่งที่เกิดขื้นในครั้งนั้นในครั้งนี้ในขนะนี้อยู่คือเรายอมรับความจริงว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เกิดขื้นจริงแล้วกับเราเราก้ยอมรับมันถ้าเราไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขื้นกับตัวเรานั้นมันจะทำให้เรามีความโกธแค้นอาฆาตมันจะรุนแรงกับคนนั้นๆตัวเราเองก้จะเดือดร้อนหนักคนที่เรารัก.พ่ อแม่ญาตพี่น้องูกๆสามีภรรยาเราก้จะเดือดร้อนตามเราไปด้วยทำให้เราติดคุกติดตะรางหรือโดนฆ่าตายก้เปนไปได้
เมื่อเราเอาการยอมรับมาใช้ดีแล้วเราก้มีการออมชอมให้มันอะลุ่มอาหลู่วให้มันแล้วแต่มันจะเปนไปของมัน.จากนั้นเราก้อให้อภัยกับเขาคนนั้นๆที่ทำให้เราโกธแค้นอาฆาตเขาผู้นั้นเถอะในเมื่อเราให้อภัยเขาผู้นั้นแล้วเราก้ต้องมีความแมตตากับเขาคนนั้นด้วยถึงแม้เขาจะทำให้เราได้รับความเสียหายหรือทำให้เรามีความโกธแค้นอยู่ก้ตามเราต้องมีความแมตตาต่อคนผู้นั้นด้วยให้คิดว่าให้ถือว่าเขาคนนั้นไม่ได้รับการอบรมทางจิตเขาไม่ได้รับพัฒนาจิตใจตนเองมาก่อนเขาทำอาจจะไม่รุ้เท่าถึงการณ์.ทำไปอารมชั่ววูบ.เขาทำไปเพราะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้.เขาทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจก้ได้หรือตั้งใจกระทำก้ได้ในจิตใจเขาผู้นั้นร้อนเปนไฟ.ในจิตใจเขาผู้นั้นเตมไปด้วยไฟโทสะไฟโลภะไฟโมหะควบคุมอยู่ในจิตใจเขาผู้นั้นมิฉะนั้นเราก้ต้องมีความแมตตาให้กับเขาคนนั้นด้วยครับ.เมื่อเรามีความแมตตาต่อเขาคนนั้นแล้วแล้วแต่เขาคนนัันจะเปนไปอย่างไรเขาจะได้รับโทษตามกฏหมายที่เขาได้กระทำมาอย่างไรเราก้ต้องปล่อยให้เขาได้รับโทษตามขบวนการกฎหมายบ้านเมืองนั้นๆในเมื่อเราเข้าใจว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เกิดขื้นแล้วและยังไม่เกิดขื้น.มาถึงแล้วก้ดี.ยังมาไม่ถึงก้ดี.มีพบมีจากก้ดี.มีไปมีมาก้ดี.มีดีและไม่ดีก้ดี.มีแพ้มีชนะก้ดี.อยู่และไม่อยูก้ดี.ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนด้วยเปนสิ่งของเปนรื่องธรรมดาดีๆนี้เองในเมื่อเราเข้าใจเรื่องธรรมดาดีๆนี้แล้วเราก้ต้องยอมรับกับทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เกิดขื้นกับตนแล้วเราก้ต้องยอมรับความจริงที่เกิดขื้น.ในเมื่อเรายอมรับความจริงแล้วเราก้ต้องออมชอมอะลุ่มอาหรู่ยสิ่งที่เกิดขื้นกับตนแล้ว
ในเมื่อเรามีการออมชอมดีแล้วเราก้ให้อภัยคือเราไม่ผูกด้วยโกธแค้นอาฆาต
ในเมื่อเราให้การอภัยแล้วเราก้ต้องมีความแมตตาต่อผู้นั้นด้วย.ต่อมาเราก้ต้องปล่อยวางคือเราไม่หวนกลับไปคิดเรื่องกับคนๆนั้นที่ทำให้เราได้รับความเสียหายหรือทำให้เราโกธแค้นอาฆาตมาก่อนเราก้ต้องปล่อยวาง.ในเมื่อเราปล่อยวางแล้วเราก้ต้องมีการเจริญภาวนาพร้อมคำบริกรรมอยู่ในใจคือดึงสติเอาจิตกลับมารับรู้ลมหายใจเข้าออกหายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาทำไปเรื่อยๆช้าๆทำให้สนุกไม่ว่าจะเดินยืนนั่งนอนทำอะไรก้แล้วแต่ให้ทำไปเรื่อยๆทั้งวันยกเว้นการทำงานอะไรแล้วแต่ที่เราจะต้องใช้ความคิดให้เราหยุดก่อนแล้วเราก้เอาจิตมาเพ่งมาคิดงานมาพิจารนางานที่เราทำอยู่ในขนะนี้อยู่เมื่อเสจงานหรือว่างงานแล้วไม่มีอะไรให้ทำแล้วไม่ได้ใช้คิดพิจารนางานว่างแล้วในขนะนี้ให้เรากลับมารับรู้หายใจเข้าออกหายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาทำไปเรื่อยไม่ต้องรีบไม่ต้องตั้งใจมากเกินไปหรืออย่าทำหย่อนยานมากเกินไปทำให้พอดีพอประมานอย่าไปสนใจความคิดและความรู้สึกใดๆที่มากระทบกับตัวเราปล่อยมันอยู่อย่างนั้นแหละ.มันไม่ออกไปจากตัวเราก้ปล่อยมันอยู่อย่างนั้นแหละมันไปก้ปล่อยมันไปให้คิดว่าให้ถือว่ามันเปนสิ่งของธรรมดาดีๆนี้เอง.หน้าที่ของเราก้คือเมื่อมีความคิดหรือความรู้สึกใดๆเข้ามาอย่าไปสนใจมันอย่าคิดตามมันไปอย่าไปทำอะไรมันขอให้ดึงสติเอาจิตกลับมาการรับรู้ลมหายใจเข้าออก
หายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาทำไปเรื่อยๆครับถ้าเผลอไปคิดปรุงแต่งเรื่องอารมอื่นๆในเมื่อเรารู้ตัวให้เราหวนกลับมารับรู้ลมหายใจเข้าออกหายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาให้ทำตามปกติธรรมดาไปเรื่อยๆทำได้แค่ไหนก้ให้ทำแค่นั้นทำได้แค่ไหนก้ให้พอใจแค่นั้นแต่เราต้องมีความเพียรและพยายามทำให้ชำนาญถา้เราทำบ่อยๆทำทุกวินาทีทุกนาทีทุกชั่วโมงทุกๆวันทุกๆเดือนทุกๆปีจะทำให้จิตเราชำนาญเกิดขื้น
ทุกๆครั้งถ้ามีความคิดเรื่องใดก็ตามให้ปล่อยมันไปบอกมันว่าเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง
ทุกไปครั้งถ้ามีความคิดลบหรือความคิดที่ไม่เปนมิตรกับตัวเราเราก้ปล่อยมันไปบอกกับมันว่ามันเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง
ทุกๆครั้งถ้ามีความรู้สึกที่ไม่ดีกับตัวเราก้ปล่อยมันไปบอกกับมันว่ามันเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง
ทุกๆครั้งถ้าเราได้เหนได้ยินได้ฟังได้รับรู้ได้สัมผัสเราคิดว่าเปนสิ่งที่ไม่ดีให้เราพิจารนาว่าเพียงสักว่าแค่เราได้เหนได้ยินได้ฟังได้รับรู้ได้สัมผัสให้เราบอกกับมันว่ามันเรื่องธรรมดาดีๆนี้เองเราไม่ควรเอามาคิดปรุงแต่งมันก้เปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง
เราอาจจะเจอได้ทุกเมื่อก็ได้
ทุกๆครั้งถ้าเรามีความทุกข์เกิดขื้นกับตัวเราไม่ว่าทุกข์กายทุกข์ใจก้ตามให้เราพิจารนาว่ามันเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง
ทุกๆครั้งถ้าเรามีความสุขเกิดขื้นกับตัวเราเองไม่ว่าสุขกายสุขใจก้ตามให้เราพิจารนาว่าความสุขนั้นมันไม่เที่ยง
ความสุขนั้นเกิดขื้นได้กับตัวเราไดทุกเมื่อความสุขมันเปนของไม่เที่ยงเดี๋ยวมันก้จากเราไปเราไม่ควรมึดมั่นในความสุขเราก้ต้องปล่อยวางความสุขมันไปความสุขคือมันสิ่งของเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง
วิธีนั่งสมาธิ..ขาขวาทับขาซ้าย.มือขวาทับมือซ้าย.นั่งยืดตัวให้ตรงเงยหน้าขื้นอย่าก้มหน้าอย่าทำคอหักหาที่นั่งสบายๆ
แล้วให้หลับตาเบาๆสบายๆให้หายใจเข้าทางจมูกให้กล่าวคำว่าธัมยาวๆเบาๆลึกๆช้าๆ.หายใจออกทางปากและจมูกพร้อมๆกันให้กล่าวว่ามะดาดายาวๆเบาๆช้าๆลึกๆทำอยู่อย่างนี้ชัก15-20ครั้ง.หลังจากนั้นให้หายใจเข้าออกแบบธรรมดาหายใจเข้าทางจมูกว่าธัมหายใจออกทางจมูกว่ามะดา(ให้กล่าวคำบริกรรมคำว่าธัมมะดานั้นให้กล่าวอยู่ในใจ).พอนั่งได้ชักพักถ้าจิตใจสงบดีกายสงบดีแล้วถ้าหากยังไม่สงบให้ทำอยู่แบบนี้ไปก่อนถ้าจิตและกายสงบดีแล้วให้เราลดผ่อนเบาการหายใจเข้าออกและเสียงคำบริกรรมที่กล่าวอยู่ในใจคำว่าธัมมะดาให้เบาๆลงพอนั่งได้ชักพักให้เราลดผ่อนเบาการหายใจเข้าออกและเสียงบริกรรมลดลงเรื่อยๆจนการหายใจเข้าออกและเสียงบริกรรมเบาๆลงจนรุ้สึกว่าเราหายใจเข้าออกและเสียงบริกรรมในใจเราก้เบาๆแทบจะรุ้สึกว่าเราไม่ได้หายใจเข้าออกและเสียงคำบริกรรมนั้นเบามากจนเราแทบไม่ได้ยินเสียงคำบริกรรมในใจ.หายใจเข้าเบาๆเท่าที่เราจะเบาได้แล้วว่าธัมเบาๆที่สุดเท่าที่เราจะเบามากที่สุด.หายใจออกเบาๆเท่าทึ่เราจะเบาได้แล้วว่ามะดาเบาๆที่สุดเท่าที่เราจะทำได้.ให้เราทำไปเรื่อยๆทำให้สบายๆทำช้าๆไม่ต้องรีบทำแบบใจเยนๆให้อยู่แบบนี้ทำไปเรื่อยๆจนคบเวลาที่เรากำหนดไว้เช่น15-20-30-40_50_60นาทีขื้นไปถ้าเราเริ่มทำเปนครั้งแรกให้เราทำชัก15-20นาทีก่อนวันต่อๆมาค่อยๆขยับขื้นไปเรื่อยๆ.มีบางคนจะเหนภาพต่างๆภาพแสงสีระยิบระยับเสียงต่างๆ
เสียงในหัวดังวิ้งๆให้ปล่อยมันอย่าไปสนใจมันจะหายไปหรือมันไม่หายยังเหนยังได้ยินอยู่ก้ปล่อยมันไปอย่าตกอกตกใจอันนั้นมันเปนธรรมชาติมันเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง.
ถ้าจิตใจเราสงบดีแล้วมีพลังแล้วจิตดีแล้วเราก้มาพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่งเช่นเรื่องขันห้าของเราประกอบไปด้วยรูป.เวทนนา.สัญญา.สังขาร.วิญญาน.
รูปร่างของเรามันไม่เที่ยงมันเปนทุกข์และเปนอนัตตาคือไม่มีตัวตนสุดท้ายสู่ความว่างเปล่ารูปร่างกายที่เราอาศัยอยู่นี้มันไม่ใช่ของเราเราบังคับไม่ให้มันแก่ไม่ให้เจบไม่ให้ตายเราบังคับบัญชาไม่ได้ฉะนั้นเราก้ต้องปล่อยวางให้ถือว่าให้คิดว่ามันเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง.เวทนาคือความรู้ว่าทุกข์และสุขเราจะให้ตัวเรามีความรู้สึกสุขตลอดเวลานั้นมันเปนไม่ได้เมื่อเรามีความรู้สึกว่าทุกขและสุขนั้นเราจะไปบังคับชาในเวทนาไม่ให้เรามีความรู้สึกทุกขทรมานทางกายและใจให้มีแต่ความรู้สึกความสุขเราจะบังคับบัญชาไม่ได้เวทนาเปนของไม่เที่ยงเปนทุกข์ไม่มีตัวตนเปนอนัตตาเราก้ต้องปล่อยวางจากเวทนาให้ถือว่าให้คิดว่ามันเรื่องธรรมดาดีๆนี้เองสัญญาคือความจำได้เมื่อเราจำอะไรได้เราก้เอามาคิดสัญญาเปนของไม่เที่ยงเปนทุกข์คือเสื่อมสลายเปนอนัตตาคือไม่มีตัวเราจะบังคับบัญชาสัญญาว่าให้เรามีความจำดีๆอยู่กับเราไปนานๆให้เปนของเราไม่ได้เราก้ต้องปล่อยวางสัญญาให้คิดว่าให้ถือว่ามันเปนธรรมดาดีๆนี้เอง.สังขารคือความคิดปรุงแต่งเรื่องราวต่างๆที่เกิดขื้นสังขารเปนอนิจจังคือไม่เที่ยงคือวันนี้คิดเรื่องนี้ต่อมาคิดเรื่องนั้นคิดไปปรุงแต่งไปเรื่อยๆสังขารเปนทุกขังคือเปนทุกข์เสื่อมสลายและเปนอนัตตาไม่มีตัวตนเราก้ต้องปล่อยวางความคิดปรุงแต่งให้เราคิดว่าให้ถือว่ามันเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เอง.วิญญานคือธาตรู้แจ้งอารมต่าๆงเรียกว่าจิตจิตของเราเกิดดับอยู่ตลอดเวลาที่เราไปรับรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาวิญญานเปนอนิจจังคือเปนของไม่เที่ยงเปนทุกขังคือเสื่อมสลายอนัตตาคือไม่มีตัวตนคือความว่างเปล่าเราก้ต้องปล่อยวางให้เราคิดว่าให้ถือว่ามันเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เองให้เราพิจารนาแบบนี้เรื่องเศรฐกิจการเมืองการชื้อขายสินค้าการตลาดการประกอบอาชีพเรื่องอื่นๆเราสามารถเอามาพิจารนาใคร่ครวญได้แต่เราต้องพิจารนาใคร่ครวญที่เปนความจริงเท่านั้นว่าทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆเรื่องนั้นเปนอนิจจังคือเปนของไม่เที่ยงเกิดขื้นแล้วดับไปมีอยู่ก้ดับไปตั้งอยู่ดับไป.เปนทุกขังคือเปนทุกข์มันมีความเสื่อมสภาพไม่อาจทนอยู่ได้ไม่เปนอมตะมันเปนสิ่งของหมดอายุเปนของมันอยู่แล้วมิฉะนั้นก้ต้องปล่อยวางอย่าไปยึดถือมั่นว่าอันนี้ตัวกูของกู.อนัตตาคือความไม่มีตัวตนเข้าสู่ความว่างเปล่าทั้งหมดแม้กระทั้งโลกต่างจัวาลต่างๆก้ยังถูกไตรลักษ์เล่นงานเอาอีกคือหนีไม่พ้นเรื่องอนิจังทุกขังอนัตตานับประสาอะไรกับเรื่องราวต่างและทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนถูกไตรลักษ์ทำลายหมดทั้งสิ้นแม้แต่ความว่างเป่ลาในอากาศมันก้ยังไม่เที่ยงคือมันก้ไม่ว่างเปล่าเพราะมันเกิดเปนสิ่งเล็กๆอยู่ในความว่างเปล่าในอากาศจนสามารถรวมตัวกันหลอมๆเปนลูกก้อนใหญ่โตมโหฬารใหญ่กว่าดวงอาทิตเปนล้านๆเท่าจนทนสภาพเดิมอยู่ไม่ได้เพาะถูกทุกขังทำลายไปจนแตกระเบิดเปนก้อนๆลอยอยู่ตามอากาศตามที่ต่างๆแยกย้ายกันอยู่กันก้อนละทิศละทางอีกก้อนหนึ่งในนั้นคือโลกของเรานี้เองและอีกก้อนหนึ่งที่เราเหนอยู่ทุกวันคือดวงอาทิตย์นีเองก้อนแต่ละก้อนที่ขจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆนั้นเรียกว่าจักวาลโดยมีดวงอาทิตย์เปนศูนย์กลางจักวาลในความว่างเปล่าในอากาศนี้มีดวงจักวาลเปนล้านๆๆๆดวงจักวาลแต่ละจักวาลจะมีโลกมนุษอยู่เช่นกันไม่ว่าจักวาลหรือโลกมนุษย์เราก้ตามจะถูกอนิจจังคือความไม่เที่ยง.ทุกขังคือความเสื่อมสภาพ.อนัตตาคือคือความไม่มีตัวตนสู่ความว่างเปล่าคือทุกสิ่งทุกอย่างจะดับสนิทแต่สิ่งที่เกิดก้จะเกิดขื้นสิ่งที่มันจะดับมันก้จะดับไปเรื่อยๆอยู่อย่างนี้ตลอด....ถ้าจะออกจากสมาธิให้เราลืมตาเบาๆแล้วให้กำหนดภาวนาการรับรู้ลมหายใจเข้าออกหายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาทำไปเรื่อยๆถึงแม้เราออกจากสมาธิก้ตามเราต้องกำหนดภาวนานี้ไปเรื่อยๆจนกว่าเราทำกิจการงานการให้เราละคำภาวนานี้ก่อนให้เราดึงสติเอาจิตกลับมาเพ่งพิจารนากิจการงานการที่เรากระทำอยู่นะปัจจุบันนี้ถ้าเรามีความคิดอื่นๆที่ไม่ใช่ความคิดกิจการงานการที่เราทำอยู่ให้เราดึงสติเอาจิตมาเพ่งพิจารนากิจการงานการที่ทำอยู่อีกครั้งเผอคิดเรื่องอื่นดึงกลับมารับรู้สิ่งที่ทำอยู่ในขนะนี้มันไปดึงกลับมา.มันไปดึงกลับมาเรื่องนี้มันจะเกิดได้แน่นอนมันคิดเรื่องอื่นๆเราดึงสติเอาจิตกลับมารับรู้สิ่งที่ทำอยู่มันไปดึงกลับมาทำอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆคับให้คิดว่าให้ถือว่ามันเปนเรื่องธรรมดาดีๆนี้เองคับ
ถ้าเราเสจกิจการงานการแล้วไม่ได้ใช้ความคิดกับงานแล้วให้เรากลับมารับรู้หายใเข้าออก.หายใจเข้าว่าธัมหายใจออกว่ามะดาทำไปเรื่อยๆไม่ว่าเดินยืนนั่งนอนครับ
วิธีเดินจงกรม
หาพื้นที่ชัก4_5เมตรเสจแล้วยืนตัวตรงๆก้มหน้านิดๆยืนเท้าชิดกันเอามือขวาประกบมือช้ายมือสองข้างแปะที่หน้าท้อง
ก้าวเท้าซ้ายก้าวระยะพอดีกับเราไม่สั้นเกินไม่ยาวเกินก่อนเท้าซ้ายจะถึงพื้นให้กล่าวในใจว่าธัมพร้อมกับเหยียบพื้น
ก้าวเท้าขวาก้าวระยะพอดีกับไม่สั้นเกินไม่ยาวเกินก่อนเท้าขวาจะถึงพื้นให้กล่าวในใจว่ามะพร้อมกับเหยียบพื้น
ก้าวเท้าซ้ายก่อนจะถึงพื้นให้กล่าว
คำว่าดาพร้อมเหยียบพื้น
ก้าวเท้าขวาก่อนจะถึงพื้นให้กล่าวคำว่าธัมพร้อมเหยียบพื้น
ก้าวเท้าช้ายก่อนจะถึงพื้นให้กล่าวคำว่ามะพร้อมกับเหยีบพื้น
ก้าวเท้าขวาก่อนจะถึงพื้นให้กล่าวคำว่าดาพร้อมกับเหยียบพื้น
คือเท้าซ้ายว่าธัม.เท้าขวาว่ามะ.เท้าซ้ายว่าดา.เท้าขวาว่าธัม.เท้าซ้ายว่ามะ.เท้าขวาว่าดา
หมายถึงเท้าเราแต่ละก้าวให้กล่าวคำละก้าวจะก้าวเท้าไหนก่อนก้ได้ถ้าเราจะก้าวเท้าขวาก่อนก้ให้กล่าวว่าธัมเท้าซ้ายกล่าวว่ามะ.เท้าขวากล่าวว่าดา.คือให้ใช้คำละก้าวสลับกันไปมาทำอยู่อย่างนี้ตลอด.ธัม.มะ.ดา.อ่านว่าธรรมดา
ให้เราทำไปเรื่อยๆแล้วแต่เราจะกำหนดเวลาเอาเองว่าจะทำกี่นาที.ใหม่ๆให้ลองทำชักครึ่งชัว่โมงก่อนแล้ววันต่อไปค่อยๆขยับขื้นทีละนิด