บทพิธีนมัสการในเวลาระหว่างวัน ตั้งแต่เวลาตีสี่ขื้นไปจนถึงเวลาพักผ่อนนอนหลับควรทำนมัสการอย่างน้อยวันละ1ครั้งขื้น
ก่อนอื่นกราบพระรัตนตรัย3ครั้ง
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
คำนมัสการบูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ ตัง พุทธัง อะภิปูชะยามิอิมินา สักกาเรนะ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิอิมินา สักกาเรนะ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ
คำนมัสการพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)
คำนมัสการ อาราธนาศิล
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
คำนมัสการสรรเสริญพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นมัสการไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
คำนมัสการ สมาทานศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อทินนาทานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะจิตอธิษฐานต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลาย องค์เทพเทวาอารักษ์ทั้งหลาย ต่อแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะขอรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ดังเดิม
บัดนี้ข้าพเจ้า... ตั้งใจรักษาศีลแล้ว, บัดนี้ข้าพเจ้า... คือผู้มีศีล,
ข้าพเจ้าผู้มีศีล ละอาย ต่อการทำความชั่ว กลัว ต่อผลของบาปกรรม,
ข้าพเจ้าผู้มีศีล มีหิริโอตตัปปะ, มีกายเป็นมนุษย์ มีใจเป็นเทวดา,
เป็นมนุสสเทโว เข้าถึงความเป็นสหาย กับเหล่าเทวดาทั้งหลาย,
ขอ เทพ พรหม เทวดาทั้งหลาย ผู้เป็นสหายของข้าพเจ้า ร่วมโมทนาบุญ
และ เมตตา ปกป้อง คุ้มครองรักษา ข้าพเจ้า ด้วยเทอญสาธุ
ข้าพเจ้าเจริญภาวนาขอตั้งจิตอธิษฐานสัจจะว่าข้าพเจัาขอรักษาศิลห้าให้บริบูรณ์ดีครบทุกประการโดยอย่างเคร่งครัดด้วยตลอดเวลา ด้วยการเจริญภาวนาว่ารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตลอดทุกอริยาบททุกเวลาทุกสภาวะอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญสาธุ
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (กล่าว 3 จบ)
คำนมัสการขอขมากรรมพระรัตนตรัย
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง สัญจิจจะกัมมัง
อะสัญจิจจะกัมมัง ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม
หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ
ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา ข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ
ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้ว ข้าพเจ้าขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมี) หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรม ขอให้พ้นจากนรกภูมิ และพบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญสาธุ
กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็น กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใดทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดก็ตาม ขอให้เจ้ากรรม นายเวรทั้งหลาย จงโปรดยกโทษ ให้เป็นอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าอย่าได้ จองเวรจองกรรม ต่อกันอีกเลย แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม ให้ทั้งสิ้น …. ยกถวายพระพุทธเจ้า เป็นอภัยทาน ขอจงดลใจให้เขาเหล่านั้น กลับมีเมตตาจิต คิดเป็นมิตรกับข้าพเจ้า เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกันตลอดไป
ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานนี้ ขอให้ข้าพเจ้า พร้อมทั้งครอบครัว ตลอดจน…วงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณ ของข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ยาก ลำบาก เข็ญใจ ความทุกข์อย่าได้ใกล้ ความเจ็บไข้อย่าได้มี ขอให้มีความสุขสวัสดี มีชัย เสนียดจัญไร และ อุปัทวันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมสิ้นหายไป นึกคิดปรารถนาสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรม ขอให้สิ่งนั้น จงสำเร็จพลัน เทอญ "นิพพานัง ปัจจะโย โหตุ" ข้าพเจ้า ณ บัดนี้เกิดจิตสำนึกผิดถึงผลกรรมที่ส่งผล แม้ในภพนี้ข้าพเจ้าจะจำไม่ได้ก็ดี ข้าพเจ้าก็ขอขมาต่อโทษของภพใหม่ที่ปิดบังต่อความทุจริตที่มีต่อพวกท่านทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้ารู้สึกผิดชอบชั่วดี จึงขอขมาลาโทษต่อพวกท่านทั้งหลาย อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อย่าได้ผูกเวรแก่กันและกันเลย
ขอให้บุญใดๆ ที่เกิดมาจากกาย วาจา ใจ สุจริตทั้งหมดทั้งสิ้นของข้าพเจ้า จงเกิดเป็นบุญที่กาย ที่จิตของท่าน ขอความเป็นผู้หมดสิ้นไปในเวรในกรรม จงมีแก่ท่านและข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้เทอญ..สาธุ
ด้วยตลอดเวลาด้วยการเจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยตลอดทุกเวลาทุกอริยาบททุกสภาวะอารมภ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญสาธุ
คำนมัสการสรรเสริญตนเอง
ข้าพเจ้าขอด้วยการเป็นผู้เจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยตลอดทุกเวลาทุกอริยาบททุกสภาวะอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อ ด้วยอานุภาพเจริญภาวนามนต์นี้เป็นมนต์อันที่ศักสิทธิ์ไม่มีมนต์อื่นใดเทียบได้ข้าพเจ้าผู้บำเพ็ญเจริญภาวนามนต์นี้ข้าพเจ้าเป็นผู้ขอนมัสการสักการะบูชาด้วยการปฏิบัติบูชาอันสถานเดียวขอบูชา พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า พระมหาโพธิสัตว์ องค์เทพเทวาอารักษ์ พลังแห่งความดีทั้งหลายพร้อมน้อมเข้าสู่จิตกายวาจาของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าเป็นผู้อยู่เหนือพลังบาปอกุศลกรรมทั้งปวง เหนือขันห้า เหนือกิเลสตัณหาราคะอุปาทานทั้งปวง เหนือโลก เหนือกฏแห่งกรรม เหนือโลกธรรมแปด เหนืออายตนะสิบสอง เหนือธรรมทั้งปวง เป็นผู้ขอโทษและให้อภัยต่อผู้อื่นและตนเองตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทุกท่าน
ผู้ตั้งสัจจะอธิษฐานด้วยจิตกายวาจาว่าเป็นผู้ละเว้นขาดจากพลังบาปอกุศลกรรมทั้งหลายทั้งปวงต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระมหาโพธิสัตว์ องค์เทพเทวาอารักษ์ แล้วนะบัดนี้
ข้าพเจ้าเป็นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์บริบูรณ์ดีแล้วครบทุกประการ
ผู้เจริญเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา ต่อผู้อื่นและตนเองดีแล้ว
ผู้ได้ชำระล้างพลังบาปอกุศลกรรมทั้งปวง เอาออกจากจิตกายวาจาอันบริบูรณ์และสะอาดดีแล้วด้วยการปฏิบัติบูชาของข้าพเจ้าครบทุกประการ
ผู้มีจิตกายวาจาอันบริสุทธิ์ผุดผ่องอ่อนน้อมถ่อมตนดีแล้วด้วยการปฏิบัติบูชาของข้าพเจ้าครบทุกประการ
ผู้มีจิตจำนงต่อโลกศุทธิไวฑูรย์ อันมีพระไภษัชยคุรุไวทูรยประภาตถาคตเจ้าอันทรงเป็นพระพุทธเจ้านั้นแล้ว
เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้รู้สึกดีหนอ ผู้ปลื้มปิติภูมิใจตนเองหนอ ผู้รู้อันธรรมดาหนอ ผู้รู้สึกสุขกายสบายใจดีหนอ ผู้ปล่อยวางแล้วหนอ ผู้เจริญมรรคแปดดีแล้วหนอ ผู้มีพลังกายพลังใจมีจิตเข้มแข็งดีแล้วหนอ ผู้ไม่ย่อท้อถอยต่อ
อุปสรรคใดๆทั้งหลายทั้งปวงมีพลังใจสู่ต่อไปดีแล้วหนอ
ผู้เชื่อและปฏิบัติพระธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าอันสถานเดียว
ข้าพเจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเจริญภาวนามนต์อันศักสิทธิ์นี้ดัวยการเจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไปพุทธัง สะระณัง คัจฉามิด้วยตลอดทุกเวลาทุกกิริยาบททุกสภาวะอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อ เทอญสาธุ
อิทังเมธะนัง ทรัพย์ของข้าพเจ้านี้ ได้มาโดยบริสุทธิ์อันชอบธรรม และการนมัสการเจริญภานาของข้าพเจ้ากระทำโดยเจตนาบริอันบริสุทธิ์ใจ ข้าพเจ้าขอบูชาพระพุทธ บูชาพระธรรม บูชาพระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ องค์เทพเทวาอารักษ์
ข้าพเจ้ามีจิตระลึกนึกถึงต่อพระนิพพานในโลกธาตุพุทธเกษตรศุทธิไวฑูรย์ขอให้ถึงเมืองแก้ว ขอให้คลาดแคล้วบ่วงมารและปราศจากพลังบาปอกุศลกรรมทั้งปวง
ขอให้พบพระนิพพาน ในโลกพุทธเกษตรศุทธิไวฑูรย์อันมีพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า อันทรงเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลของข้าพเจ้า ด้วยการเจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยตลอดทุกเวลาทุกกิริยาบททุกอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญ สาธุ
บทนมัสการชำระล้างขันห้า
ด้วยบทสวด ปฏิจจสมุปบาท
(นำ) หันทะ มะยัง ปะฏิจจะสะมุปปาทะธัมมะปาฐัง ภะณามะ เส ฯ
(รับ) อิธะ ภิกขะเว อะริยะสาวะโก
ปะฏิจจะสะมุปปาทัญเญวะ สาธุกัง โยนิโส มะนะสิกะโรติ
- ภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมกระทำไว้ในใจ
โดยแยบคายเป็นอย่างดี ซึ่งปฏิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า
อิมัส๎มิง สะติ อิทัง โหติ
- เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี
อิมัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ
- เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
อิมัส๎มิง อะสะติ อิทัง นะ โหติ
- เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี
อิมัสสะ นิโรธา อิทัง นิรุชฌะติ
- เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป
ยะทิทัง
- ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ
อะวิชชาปัจจะยา สังขารา
- เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย
สังขาระปัจจะยา วิญญาณัง
- เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
วิญญาณะปัจจะยา นามะรูปัง
- เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
นามะรูปะปัจจะยา สะฬายะตะนัง
- เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
สะฬายะตะนะปัจจะยา ผัสโส
- เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
ผัสสะปัจจะยา เวทะนา
- เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
เวทะนาปัจจะยา ตัณหา
- เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
ตัณหาปัจจะยา อุปาทานัง
- เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
อุปาทานะปัจจะยา ภะโว
- เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
ภะวะปัจจะยา ชาติ
- เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
ชาติปัจจะยา ชะรามะระณัง
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา สัมภะวันติ
- เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะปริเทวะทุกขโทมนัส
อุปายาสะทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน
เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะสะมุทะโย โหติ
- ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
อะวิชชายะเต๎ววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระนิโรโธ
- เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ
แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว จึงมีความดับแห่งสังขาร
สังขาระนิโรธา วิญญาณะนิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ
วิญญาณะนิโรธา นามะรูปะนิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป
นามะรูปะนิโรธา สะฬายะตะนะนิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ
สะฬายะตะนะนิโรธา ผัสสะนิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ
ผัสสะนิโรธา เวทะนานิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา
เวทะนานิโรธา ตัณหานิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา
ตัณหานิโรธา อุปาทานะนิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน
อุปาทานะนิโรธา ภะวะนิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ
ภะวะนิโรธา ชาตินิโรโธ
- เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ
ชาตินิโรธา ชะรามะระณัง
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา นิรุชฌันติ
- เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรา มรณะ
โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสะทั้งหลาย จึงดับสิ้น
เอวะเม ตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหตีติ
- ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้
ข้าพเจ้าขอเจริญภาวนาพุทธมนต์บทนี้ด้วยตลอดเวลาด้วยการเจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตลอดทุกเวลาทุกอริยาบททุกอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญสาธุ
ข้าพเจ้าขอสวัสดีท่านทัังหลายขอให้ท่านทังหลายทุกท่านจึงมีความสุขกายสบายใจ ความเจ็บไข้ได้ป่วยความยากจนจงลดน้อยถอยลงเถิด อุปสรรคอันตรายทั้งปวงอัปมงคลทั้งปวงความทุกข์ทั้งปวงสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงพลังบาปอกุศลกรรมทั้งปวง จงมลายดับสูญสิ้นสลายไปเถิด อายุวรรณะสุขะพละ ความอยู่ดีมีสุข
ความปลื้มปิติยินดี ความภาคภูมิใจตนเอง
ความบันเทิงเริงใจ ผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน บุญกุศลกรรมทั้งปวงทั้งหมดนี้จงมีแต่ท่านเถิด ขอให้ท่านจงรับอนุโมทนาสาธุเองเถิด
ข้าพเจ้าอวยพรชัยและอนุโมทนาให้ท่านแล้ว ด้วยการข้าพเจ้าเป็นผู้เจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ด้วยตลอดทุกเวลาทุกอริยาบททุกสภาวะอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญสาธุ
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
นมัสการแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข)
อะหัง นิททุกโข โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์)
อะหัง อะเวโร โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร)
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด)
นมัสการแผ่เมตตาไปสู่ผู้อื่น
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ นิททุกขา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงถึงความสุข ปราศจากความทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความคับแค้นใจ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิดฯ
บทแผ่เมตตาทั่วไป
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
ข้าพเจ้าเจริญภาวนาขอแผ่แมตตาต่างๆให้กับข้าพเจ้าและ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายตลอดจนถึงบิดามารดาครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณและสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง องค์เทพเทวาทั้งหลาย ภูติทั้งหลายทั้งปวงท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังได้รับรู้เห็นแล้วในขณะนี้จากข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลายจงอนุโมทนาบุญเองเถิดข้าพเจ้าได้อุทิศส่วนบุญกุศลไปให้แล้วดัวยตลอดเวลา ด้วยการเจริญภาวนารู้ลมหายใจเข้าออกทุกครั้งไป พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตลอดทุกเวลาทุุกสภาวะอารมณ์ของข้าพเจ้าทุกเมื่อเทอญสาธุ
คำนมัสการพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)
จบพิธีนมัสการในเวลาระหว่างวัน ตั้งแต่เวลาตีสี่ขื้นไปจนถึงเวลาพักผ่อนนอนหลับควรทำนมัสการอย่างน้อยวันละ1ครั้งขื้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น